ในเดือนมิถุนายน ค.ศ. 2010 ซาลแดนาได้หมั้นกับคีธ บริตตัน นักแสดงและผู้บริหารของมายแฟชันดาตาเบส (My Fashion Database)[16] ต่อมาในเดือนพฤศจิกายน ค.ศ. 2011 เธอกับบริตตันได้ประกาศยุติความสัมพันธ์หลังจากคบหากันนานกว่าสิบเอ็ดปี[17] จากนั้นซาลแดนาเริ่มคบหากับแบรดลีย์ คูเปอร์ นักแสดงชาวอเมริกัน ตั้งแต่เดือนธันวาคม ค.ศ. 2011 จนถึงเดือนมกราคม ค.ศ. 2013[18]

ในเดือนมีนาคม ค.ศ. 2013 ซาลแดนาเริ่มคบหากับมาร์โก เปเรโก ศิลปินชาวอิตาลี ทั้งคู่แต่งงานกันในเดือนมิถุนายน ค.ศ. 2013 ในกรุงลอนดอน[19][20] ในเดือนกรกฎาคม ค.ศ. 2015 ซาลแดนาเปิดเผยว่า เปเรโกได้เปลี่ยนมาใช้นามสกุลของเธอหลังจากสมรสกัน[21][22] โดยที่เธอเปลี่ยนเป็น โซเอ ซัลดัญญา-เปเรโก ในขณะที่เขาเปลี่ยนเป็น มาร์โก เปเรโก-ซัลดัญญา[23] ซาลแดนากับเปเรโกมีบุตรชายด้วยกันสามคน เป็นฝาแฝดสองคนชื่อ ไซ อารีดีโอ และโบอี เอซีโอ เกิดในเดือนพฤศจิกายน ค.ศ. 2014[24] ส่วนคนที่สามชื่อ เซน เกิดในเดือนกุมภาพันธ์ ค.ศ. 2017[25][26] ซาลแดนากล่าวว่าบุตรของเธอสามารถพูดได้หลายภาษา เพราะเธอและสามีจะพูดภาษาสเปน ภาษาอิตาลี และภาษาอังกฤษ ในขณะอยู่กับพวกเขา[27]

ในเดือนกรกฎาคม ค.ศ. 2013 ระหว่างให้สัมภาษณ์กับ ดิอีดิต ของเน็ต-อะ-พอร์เตอร์ ซาลแดนาเผยว่าเธอเป็นโรคต่อมไทรอยด์อักเสบฮาชิโมโตะ อันเป็นโรคภูมิต้านตนเอง ซึ่งแม่และน้องสาวของเธอก็เป็นโรคดังกล่าวด้วยเช่นกัน เพื่อสู้กับผลกระทบของโรคนี้ ซาลแดนากล่าวว่า เธอและสามียึดตนเองเป็นผู้รับประทานอาหารที่ปราศจากกลูเตนและนม[28] นอกจากนี้ ซาลแดนายังสนับสนุนเอฟไอเอ็นซีเออินเตอร์เนชันแนล ซึ่งเป็นองค์การระบบการเงินในระดับจุลภาค[29] ใน ค.ศ. 2017 ซาลแดนาได้ก่อตั้งบีอีเอสอี ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มสื่อดิจิทัลที่ออกแบบมาเพื่อ "ต่อสู้กับการขาดความหลากหลายในสื่อกระแสหลัก" พร้อมกับให้ความสนใจเรื่องราวเชิงบวกภายในชุมชนลาติน[30] ใน ค.ศ. 2020 ซาลแดนาใช้โซเชียลมีเดียของเธอเพื่อเข้าร่วมโหวตไรเดอส์ #IDCheck Challenge เพื่อช่วยกระจายข่าวเกี่ยวกับข้อกำหนดของบัตรประจำตัวผู้มีสิทธิเลือกตั้งสำหรับการเลือกตั้งประธานาธิบดีในปีนั้น[31]